สำหรับคนที่ผ่อนบ้านได้ระยะหนึ่งแล้ว เช่น ผ่อนมาสามปี จนครบเงื่อนไขปลดล็อกและสามารถที่จะรีไฟแนนซ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลง ... การรีไฟแนนซ์บ้านอาจทำให้หลายคนปวดหัว เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง จับต้นชนปลายไม่ถูก บทความนี้ขออาสาคลายความกังวลให้ด้วย "10 ขั้นตอนที่ต้องรู้ในการรีไฟแนนซ์บ้าน" จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ติดตามกันได้เลย

ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบดอกเบี้ยของธนาคารต่างๆ

ขั้นตอนแรกๆ ที่เราควรทำก็คือ เราต้องตรวจสอบดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารต่างๆ ว่ามีอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เราต้องเปรียบเทียบว่าธนาคารไหนให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด โดยการเปรียบเทียบข้อมูลถึงข้อดีข้อเสีย เช่น ความสะดวกในการเดินทางไปติดต่อยังสาขาของธนาคาร การบริการของเจ้าหน้าที่ ความรวดเร็วในการประสานงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการรีไฟแนนซ์ เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 2 : คำนวณดูว่าจะประหยัดค่างวดไปได้แค่ไหน

เมื่อได้ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินต่างๆ มาแล้ว เราต้องลองมาคำนวณดูว่าเมื่อรีไฟแนนซ์ไปแล้วจะประหยัดค่างวดได้จริงหรือไม่ และประหยัดได้แค่ไหน ...

โดยจากประสบการณ์แล้ว ส่วนใหญ่การรีไฟแนนซ์ใหม่จะประหยัดเงินไปได้เยอะพอตัวทีเดียว เพราะเมื่อเทียบกับการที่เราไม่รีไฟแนนซ์ และผ่อนกับที่เก่า แต่อัตราดอกเบี้ยหลังผ่อนครบสามปีไปแล้วจะขึ้นแพงกระฉูดมากๆ เลยครับ และถ้าที่ทำงานเรามีสิทธิพิเศษสำหรับบางธนาคาร จะยิ่งเป็นแต้มต่อได้สองเด้ง แบบนี้เราควรรีไฟแนนซ์โดยพลัน

ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมหลักฐาน ไปติดต่อกับธนาคาร

เมื่อเราได้เป้าหมายของธนาคารที่เราคิดจะรีไฟแนนซ์แล้ว ก็ต้องเตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อม โดยเอกสารหลักฐานหลักๆ มีดังต่อไปนี้

หลักฐานเกี่ยวกับตัวผู้กู้

1. สำเนาบัตรประชาชน/รัฐวิสาหกิจ หรือ ข้าราชการพร้อมฉบับจริง

2. สำเนาทะเบียนบ้าน ทุกหน้าถึงหน้าเปล่า พร้อมฉบับจริง

3. สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ในมรณะบัตร/ใบแจ้งความแยกกันอยู่ พร้อมฉบับจริง

4. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรสพร้อมฉบับจริง

5. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล(ถ้ามี)พร้อมฉบับจริง

หลักฐานเกี่ยวกับรายได้

กรณีประกอบอาชีพประจำ

1. ใบรับรองเงินเดือน (ฉบับจริง) หรือ หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการข้อตกลง (ฉบับจริง)

2. สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับรองเงินเดือนปัจจุบัน 3 เดือน ย้อนหลัง (ฉบับจริง )

3. สำเนาบัญชีเงินฝากแสดงรายการย้อนหลัง 6 เดือน หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ พร้อมฉบับจริง หรือ Statement พร้อมรับรอง

กรณีประกอบอาชีพอิสระ

1. สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วนฯ (ภงต.90, 91, ทวิ 50, หนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย) *กรณีประกอบธุรกิจ

2. หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ พร้อมใบเสร็จตัวจริงจากกรมสรรพากร ย้อนหลัง 6 เดือน *กรณีประกอบธุรกิจ

3. รูปถ่ายกิจการ จำนวน 3-4 รูป *กรณีประกอบธุรกิจ

4. สำเนาใบประกอบวิชาชีพ

5. ใบอนุญาตประกอบการ *กรณีประกอบอาชีพส่วนตัว

6. บัญชีหมุนเวียนในกิจการย้อนหลัง 12 เดือน

หลักฐานเกี่ยวกับหลักประกัน

1. ใบเสร็จการผ่อนชำระย้อนหลัง 24 เดือน จากสถาบันการเงินเดิม (ฉบับจริง) ถ้าเพื่อนๆ เก็บใบเสร็จการผ่อนบ้านของธนาคารเดิมไว้ครบหมด ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าทำใบเสร็จหายไม่ครบ ต้องไปขอ statement การผ่อนชำระบ้านกับธนาคารเก่า

2. สำเนาโฉนดที่ดิน/นส.3ก/หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด/อช.2 (2ชุด) พร้อมรับรองจาก สนง.ที่ดิน ซึ่งต้องไปขอคัดสำเนาจากสำนักงานที่ดิน เขตที่บ้านเราอยู่นะครับ เสียค่าธรรมเนียม 50 บาท แนะนำให้ไปแต่เช้านะครับ เพราะสำนักงานที่ดิน คนมาติดต่อเยอะมากๆ

3. สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (ขนาดเท่าตัวจริงทุกหน้า)

4. ใบอนุญาตปลูกสร้าง/หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ทด.13) หรือหนังสือสัญญาให้ที่ดิน (ทด.14 )

5. แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป

6. สำเนาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินเดิม

7. สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน

8. หลักฐานการเป็นเจ้าของอาคาร เช่น หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน ท.ด. 13 หรือใบคำขอเลขที่บ้านในนามผู้ถือกรรมสิทธิ์

ขั้นตอนที่ 4 : ยื่นกู้

เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วก็ทำเรื่องยื่นกู้ซึ่งขั้นตอนจะคล้ายกับการขอสินเชื่อใหม่ โดยทำการกรอกข้อมูลขอรีไฟแนนซ์ที่ธนาคารใหม่ตามแบบฟอร์มที่ทางธนาคารกำหนด

ขั้นตอนที่ 5: เจ้าหน้าที่มาประเมินสินทรัพย์

หลังจากส่งเอกสารยื่นเรื่องไปแล้ว รอประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะมีเจ้าหน้าที่มาประเมินสินทรัพย์ เพื่อประเมินยอดเงินที่จะปล่อยให้กับเรา เราอาจจะต้องลางาน เปิดบ้านเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาประเมิน โดยเราต้องจ่ายเงินค่าประเมินให้กับเจ้าหน้าที่ บางแห่งเขาอาจเรียกเก็บเงินตั้งแต่เรากรอกเอกสารที่ธนาคาร

ขั้นตอนที่ 6 : รอผลอนุมัติ

ขั้นตอนนี้ เป็นการอดทนรอคอยเสียหน่อย โดยปกติแล้วควรจะแจ้งผลว่าผ่านการขอสินเชื่อหรือไม่ภายใน 1-2 สัปดาห์ หากช้ากว่านี้ควรรีบโทรไปตามทันที

ขั้นตอนที่ 7 : นัดวันไถ่ถอนกับทางธนาคารเก่า

เมื่อธนาคารใหม่อนุมัติวงเงินมาแล้ว ก็ต้องนัดวันไถ่ถอนบ้านกับทางธนาคารเก่าที่สำนักงานที่ดิน โดยขั้นตอนนี้เราจะเป็นคนติดต่อธนาคารเก่าเอง หรือบางครั้งลองแจ้งให้ทางธนาคารใหม่ช่วยติดต่อให้ ถ้าเราติดต่อเองเราต้องแจ้งชื่อผู้รับมอบอำนาจของทางธนาคารที่จะไปทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดิน และเราต้องแจ้งยอดหนี้ ซึ่งเป็นเงินต้นบวกกับดอกเบี้ยจนถึงวันไถ่ถอนแก่ธนาคารใหม่

ขั้นตอนที่ 8 : ทำสัญญา โอนทรัพย์ที่ใช้จดจำนอง

จากนั้นทำการติดต่อกับธนาคารใหม่เพื่อนัดวันทำสัญญา และโอนทรัพย์ที่ใช้จำนอง ซึ่งต้องเป็นวันเดียวกันกับวันที่จะชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเดิมที่เราติดหนี้สินเชื่ออยู่

ขั้นตอนที่ 9 : ทำเรื่องโอน ณ.สำนักงานที่ดิน

จากนั้นจะทำเรื่องโอน ณ.สำนักงานที่ดินในเขตที่สินทรัพย์ หรือบ้านของเราตั้งอยู่ โดยธนาคารใหม่จะนำสัญญาไปให้เราเซ็นที่สำนักงานที่ดิน ธนาคารใหม่จะออกเช็คจ่ายให้กับธนาคารเก่า ธนาคารเก่าจะมอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้นการโอน โดยมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้

สำหรับใครที่ชื่นชอบบทความแบบนี้ ชลบุรีน่าอยู่ยังมีบทความดี ๆ เกี่ยวกับอสังหาฯ การท่องเที่ยว  การเดินทาง เศรษฐกิจ ภาคตะวันออก และอีกมากมายที่รอให้คุณได้ค้นพบที่ https://nayoo.co/chonburi

ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารดีๆที่จะช่วยตอบโจทย์ในการช่วยคุณที่พักอาศัย การลงทุน อย่าลืมกดไลก์ กดติดตามและกดแชร์ "ชลบุรีน่าอยู่" หาบ้าน ที่ดิน คอนโด หอพัก ทั่วเมืองชลบุรี🏡"มองหาที่อยู่ คิดถึงชลบุรีน่าอยู่"🏡

📌สนใจลงโฆษณา & ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
🔵Facebook : ชลบุรีน่าอยู่
✅Line Official : @ChonburiNaYoo
📞Tel : 099-1254780
📥Email : info.chonburinayoo@gmail.com