ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน ประเทศไทยเราก็มีเพียง 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อน และร้อนมาก แอร์จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับทุกครอบครัว เพื่อให้ความเย็นสบายสำหรับการพักผ่อนของเรา รวมไปถึงทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้อย่างแฮปปี้ แต่ในบางครั้งสิ่งที่เราต้องการก็ไม่เป็นดั่งหวัง เพราะเปิดแอร์เท่าไหร่ความเย็นที่ได้รับจากแอร์ก็ยังไม่เย็นฉ่ำ ชวนให้เราหงุดหงิด และเมื่อบิลค่าไฟมาในตอนสิ้นเดือนถึงกับต้องช๊อคกันเลยทีเดียว

ปรับอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง

ขนาดเปิดแอร์ก็แล้วทำไมถึงยังรู้สึกร้อน ไม่สบายตัว หรือบางครั้งเราเปิดประตูห้องเข้าไป แต่อุณหภูมิภายในห้องกับไม่เย็นอย่างที่หวัง หนึ่งในสาเหตุหลักนั้น เกิดมาจากการเปิดแอร์ที่ปรับอุณหภูมิไม่เหมาะสมกับตัวห้อง ดังนั้นอุณหภูมิทั่วไปที่ให้ความเย็นสบายจะอยู่ที่ 25-26 องศา ถ้าเราปรับอุณหภูมิที่สูงมากกว่านี้เช่น 27-28 องศา แต่สามารถแก้ปัญหาด้วยการเปิดพัดลมช่วยเพิ่มความเย็น และช่วยให้แอร์ทำงานเบาลง

ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้แอร์เย็นฉ่ำได้ดั่งใจ

การล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอจะให้แอร์ของท่านเย็นฉ่ำ เย็นเร็ว เย็นไวของแอร์ ในทุก ๆ บ้านนั้นควรล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอทุก ๆ 6 เดือน และควรล้างแผ่นกรองฝุ่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้เปิดแอร์ได้เย็นสบาย การล้างแอร์ยังช่วยลดเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และฝุ่นละอองที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมากได้อีกด้วย และที่สำคัญเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้มีประสิทธิภาพยาวนานมากขึ้น

เลี่ยงการเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อน ในขณะเปิดแอร์

ความร้อนที่เปิดจากการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตารีด โทรทัศน์ โคมไฟ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นสบายและเย็นช้า การลดปริมาณการใช้งาน หรือไม่นำเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้มาวางตั้งและเปิดใช้งานภายในห้องที่มีแอร์ บางครั้งเราอาจจะเห็นหลาย ๆ บ้าน เปิดแอร์และปิดไฟ เพื่อช่วยลดปริมาณความร้อน โดยเลือกรับแสงสว่างจากแสงแดดธรรมชาติจากบริเวณหน้าต่างแทนเพียงเล็กน้อย ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยลดการใช้พลังงาน

ความชื้นเข้ามาภายในห้อง

ความชื้นภายในห้องเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนด้วยแล้ว การเปิดแอร์ให้เย็น จำเป็นต้องลดปริมาณความชื้นที่สะสมอยู่ภายในห้อง เช่น ไม่ปลูกต้นไม้ภายในห้อง ไม่นำผ้าที่มีความชื้นมาตากไว้ในห้อง

ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท

ทุกครั้งที่เปิดใช้งานแอร์ จำเป็นต้องปิดประตูและหน้าต่างห้องให้สนิทอยู่เสมอ หรือหากห้องมีความกว้าง ก็จำเป็นที่จะต้องกั้นห้องด้วยฉากกั้น หรือเลือกใช้แอร์ที่มี BTU ที่เหมาะสม เช่น

  • แอร์ขนาด 9,000 BTU เหมาะกับห้องขนาด 9-14 ตารางเมตร
  • แอร์ขนาด 12,000 BTU เหมาะกับห้องนอนขนาด 10-18 ตารางเมตร
  • แอร์ขนาด 18,000 BTU เหมาะกับห้องนอนขนาด 16-26 ตารางเมตร
  • แอร์ขนาด 24,000 BTU เหมาะกับห้องนอนขนาด 21-34 ตารางเมตร

เพื่อช่วยให้แอร์มีความเย็นฉ่ำที่เหมาะสม การปิดประตูหน้าต่างให้สนิทจะช่วยให้ความเย็นไม่ถูกระบายออกภายนอกห้อง และไม่ทำให้ความร้อนจากภายนอกห้องเข้ามาภายในห้อง ซึ่งจะส่งผลให้แอร์ทำงานหนัก

ปรับโหมดการใช้งานแอร์ให้เหมาะสม ช่วยเพิ่มความเย็นสบายได้

เพิ่มความเย็นสบายที่พอดีสำหรับการพักผ่อนด้วยโหมดแอร์ทำความเย็น หรือ Cool Mode ที่จะช่วยปรับอุณหภูมิภายในห้องให้มีความเย็นที่เหมาะสมไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป แถมยังช่วยเรื่องประหยัดพลังงานให้บ้านอีกด้วย เพราะหลักการทำงานของโหมดนี้คือ เมื่อแอร์มีอุณหภูมิลดลงตามที่ตั้งไว้แอร์จะตัดการทำงานทันที

การประหยัดไฟและช่วยไม่ให้แอร์ทำงานหนักนั้น นอกจากความรู้ความเข้าใจ ในการใช้แอร์เบื้องต้นแล้ว การดูแลรักษาแอร์ก็มีส่วนสำคัญมาก ที่จะช่วยให้ค่าไฟลดลงได้ โดยควรล้างแอร์ปีละ 2 ครั้ง บางคนคิดว่าแอร์ยังเย็นสบายอยู่ไม่จำเป็นต้องล้างเพราะสิ้นเปลืองค่าจ้างช่าง ซึ่งจริง ๆ แล้วแอร์เมื่อใช้ไปนาน ๆ ย่อมเกิดความสกปรก ทำให้ทำงานหนัก การเสียเงินเพื่อดูแลแอร์ย่อมคุ้มค่ากว่าเพราะในระยะยาว นอกจากค่าไฟจะลดลงแล้ว แอร์ก็ยังใช้งานได้นาน ไม่เสียง่ายกว่าแอร์ที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาเลยนั่นเอง

ให้ คิวช่าง ( Q-Chang ) เว็บไซต์ศูนย์รวมช่างคุณภาพครบวงจรช่วยคุณ สนใจบริการล้าง ต่อเติม ติดตั้ง ซ่อมระบบปรับอากาศจากคิวช่าง คลิกเลย https://bit.ly/3J3I58T

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ